2550/09/02

บทกลอนอันทรงค่านี้ จากท่าน อ.ฐะปะนีย์ นาครทรรพ



...เมื่อปี พ.ศ. 2510 อมร ได้เข้าเรียน ชั้น ม.ศ. 1 ที่โรงเรียนดัดดรุณี จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้เข้าเรียนวิชาภาษาไทยกับคุณครูสอิ้ง กานยะคามิน มีวันหนึ่ง คุณครูสอิ้ง ได้ใช้ชอล์ก เขียนกลอนไว้บนกระดานดำบทหนึ่ง กลอนบทนี้ตราตรึงอยู่ในความจำตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ความจริงเป็นกลอนของท่าน อาจารย์ ฐะปะนีย์ นาครทรรพ และท่านเคยมาเป็นอาจารย์ใหญ่ ที่โรงเรียนดัดดรุณี สมัยก่อนที่อมรจะเข้ามาเรียนท่านเป็นผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านภาษาไทย 40 ปี แล้ว เป็นกลอนที่ใช้คำง่าย ๆไม่ซับซ้อน แต่ช่างซ่อนความหมายมากมายเหลือเกิน รวมถึงความไพเราะเพราะพริ้ง อย่างยิ่งยวด โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนสตรีประจำจังหวัด ท่านคงนำมาใช้ในการสั่งสอนลูก ๆ นักเรียนหญิงของท่าน ขออนุญาตนำมาเผยแพร่ต่อ เพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณให้ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านภาษาไทย ท่านอาจารย์ ฐะปะนีย์ นาครทรรพ แม้จะเข้าเรียนไม่ทันท่าน แต่รู้สึกเสมอว่า เป็นลูกศิษย์ของท่านด้วยกับรุ่น พี่ ๆ ค่ะ...

อมร ตันสุตะพานิช



...แม้นมิเป็นดังเช่นกุหลาบหอม

ก็จงยอมเป็นเพียงลดาขาว

แม้นมิเป็นดวงจันทร์อันสกาว

จงเป็นดาวดวงแจ่มแอร่มตา



แม้นมิได้เป็นหงส์ทะนงศักดิ์

ก็จงรักเป็นโนรีที่หรรษา

แม้นมิได้เป็นแม่น้ำคงคา

จงเป็นธาราใสที่ไหลเย็น



แม้นมิได้เป็นมหาหิมาลัย

จงพอใจจอมปลวกที่แลเห็น

แม้นมิได้เป็นวันพระจันทร์เพ็ญ

ก็จงเป็นวันแรมที่แจ่มจาง


แม้นมิได้เป็นต้นสนระหง

จงเป็นพงอ้อสะบัดไม่ขัดขวาง

แม้นมิได้เป็นนุชสุดสอางค์

จงเป็นนางที่มิใช่ไร้ความดี



อันจะเป็นสิ่งใดไม่ประหลาด

กำเนิดชาติดีทรามตามวิถี

ถือสันโดษทำประโยชน์ในชีวี

ให้สมที่เกิดมาน่าชมเอย...


...ขอขอบคุณพี่อมรมากนะคะ พอได้ยินได้ฟังบทกลอนนี้ก็รู้สึกว่าประทับใจจริง ๆ ค่ะ อดไม่ได้ที่จะต้องเอามาใช้ประกอบภาพถ่ายในชุดดอกไม้ขาวที่ถ่ายไว้นานแล้ว...


Thanks for your kinds.
Kanmunee Srivisarnprob (Roytavan)